ให้คุณใด้ประโยชน์สูงสุดมาเรียนรู้กัน

 สอนให้ทำเป็น



เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้นและสุขภาพดีสูงสุด

     เราจึงคิดและพัฒนาแผนธุรกิจคุณธรรมที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อเปิดโอกาสให้คุณสามารถใช้ศักยภาพของคุณได้เต็มร้อย เพื่อสร้างชีวิตของคุณได้ในแบบที่ต้องการ สร้างธุรกิจของคุณเองที่สามารถเติบโตได้อย่างไร้ขีดจำกัด ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ความชำนาญใดๆ แบบอย่างจากผู้สำเร็จขั้นสูงในธุรกิจ ให้คุณสามารถต่อยอดได้ทันที่ สามารถทำงานอย่างมืออาชีพได้อย่างรวดเร็วทั้งบนโลกออนไลน์และออฟไลน์และมั่นใจอย่างยิ่งว่าผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ตอบโจทย์หลากหลายไลฟ์สไตล์ที่ให้บริการกับ คนรักสุขภาพอย่างคุณ เราจึงได้ศึกษาเพิ่มเติมให้มีความรอบรู้รอบด้านในเรื่องโภชนาการที่ดีเพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีของทุกคน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของผู้ชำนาญการเรื่องผลิตภัณฑ์นิวทริไลท์ของเราเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค

ให้คุณสร้างเครือข่ายกับผู้คนที่ใส่ใจในความสวยความงาม
     เรามีความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์เพื่อความงาม อันเป็นที่มาของผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติแบรนด์อาร์ทิสทรี ที่ช่วยให้คุณเป็นคนใหม่ที่ดูดียิ่งขึ้น

ให้คุณสร้างเครือข่ายกับผู้คนที่มีประโยชน์กับคนที่คนรักบ้าน
เราพร้อมดูแลคุณและครอบครัวให้มีสุขอนามัยและความเป็นอยู่ที่ดีด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับบ้าน เช่น แคร์โฮม เครื่องกรองน้ำ อีสปริง และเครื่องกรองอากาศ แอทโมสเฟียร์ สกาย

ให้บริการกับคนที่คนที่ชอบออกไปใช้ชีวิตและหาประสบการณ์ใหม่ๆ
เรามีผลิตภัณฑ์เอ็กซ์เอส ที่ช่วยสร้างพลังแห่งการผจญภัยให้คุณอย่างมีชีวิตชีวาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับธุรกิจนี้ 
ที่พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีสินค้าเพื่อสุขภาพมาตรฐานระดับโลก และจัดสรรรูปแบบการทำงานได้เอง ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมเลือกได้ว่าต้องการสร้างรายได้มากเท่าใดและเวลามากขนาดไหน เพราะความสำเร็จกับเราสร้างได้ไม่จำกัดปัญหาเรื่องขยะและมลภาวะที่เกิดขึ้นอย่างมากมายในปัจจุบัน

ให้คุณสร้างเครือข่ายกับผู้คนที่เรียนรู้ในโครงการ Pre Owner Net Work 
 เรียนรู้เบื้องต้นเพื่อให้คุณรูและมีประสฐการณ์จากภาคปฎิบัติจริง สามารถมีปันผลจริงเป็นรายได้เสริมควบคู่กับงานประจำของคุณโดยใช้เวลาว่างหลังเลิกงานมาเก็บประสบการณ์วันละ 1 - 3 ชั่วโมงทุกวันๆ กับกิจกรรมที่ดีมีประโยชน์จากเวลาว่างหัวข้อที่ควรเรียนรู้คือ

     1. ความเป็นมาของปณิทาณ
     2. แหล่งผลิตจากธรรมชาติ
     3. ขั้นต้นควรต้องปฎิบัติ
     4. สินค้า 8 ชนิดที่แนะนำให้เรียนรู้

      เมื่อเรียนรู้และลงมือทำตามที่แนะนำ คุณเชื่อไหม ภายในระยะเวลา 90 วันคุณจะมีปันผลต่อเดือนในระดับเกินหนึ่งหมื่นบาทซึ่งเป็นระดับที่ช่วยให้คุณใช้เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จในขั้นต่อไป

     คุณจะได้เรียนรู้การใช้เครื่องมือที่ช่วยทุนแรงของคุณคือเซ็นเตอร์หรือโรงเรียนของเรา ที่จะช่วยประหยัดเวลาและช่วยให้คุณได้เม็ดงานที่มีประสิทธิภาพตลอดจนคุณจะมีความรู้แลความชำนาญที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสามารถเติบโตเป็นเจ้าของธุรกิจตัดขาดออกจากสายงานการสปอนเซอร์ เพื่อที่จะเติบโตได้อย่างไร้ขีดจำกัดจะได้ใช้คุณสมบัติพิเศษของแผนธุรกิจที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังเราจะสำเร็จไปด้วยกันครับ

ความรู้ใน Pre Net Work
นำเสนอข้อมูลการเริ่มธุรกิจที่ง่ายและให้ความสำเร็จกับคุณอย่างแตกต่าง เป็นเทคนิคและเคล็ดเด็ดที่ได้ทำการทดสอบว่าได้ผลจึงนำมาบอกต่อให้กับคุณ

ตัวอย่าง

Protein Plus พลัสสุขภาพและการเคลื่อนไหว

ร่างกายคนเราจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามวัย เมื่อวัยสูงขึ้นความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายก็เพิ่มขึ้น ซึ่งก่อให้เป็นโรคเรื้อรังต่างๆ ตามมา เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคข้อเสื่อม

ปัญหาสุขภาพด้านการเคลื่อนไหว (Mobility Health) ในผู้สูงอายุ


สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้สูงอายุต้องประสบปัญหาในการเคลื่อนไหว เนื่องมาจากความเสื่อมของสภาพของร่างกายตามอายุ ผู้สูงอายุจะมีมวลกระดูกน้อย มีโอกาสแตกหักได้ง่าย และมีมวลกล้ามเนื้อน้อยลง สูญเสียความแข็งแรงและความยืดหยุ่น จนนำไปสู่โรคข้อเสื่อมในท้ายที่สุด

ปัจจุบัน โรคข้อเสื่อมเป็นปัญหาที่พบมากเป็นอันดับ 3 ของผู้สูงอายุในประเทศไทย








ความสำคัญของ "ข้อ"
“ข้อ” มีหน้าที่ในการยึดกระดูกและทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่นในทิศทางและรูปแบบต่างๆ นอกจากนี้ ข้อยังต้องรับน้ำหนักตัวเกือบตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเดิน ยืน นั่ง หรือทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การนั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ นั่งยองเป็นประจำ การออกกำลังกาย การเล่นกีฬา หรือการลื่นหกล้ม ทั้งหมดนี้ต่างส่งผลกระทบทำให้เกิดข้อและนำไปสู่ภาวะข้อเข่าเสื่อมได้




โครงสร้างข้อ ประกอบด้วย

เส้นเอ็น (Ligaments) ทำหน้าที่ยึดกระดูกให้เชื่อมต่อกัน

กระดูกอ่อนผิวข้อ (Articular Cartilage) จะมีความลื่นและความยืดหยุ่น เพื่อให้ทนต่อการรับแรงกดที่ลงมาที่ข้อได้

หมอนรองกระดูก (Articular Disc หรือ Meniscus) ทำหน้าที่เหมือนเบาะรับแรงกระแทกบริเวณข้อ เพิ่มความมั่นคงให้ข้อและช่วยให้ข้อเคลื่อนไหวได้ราบรื่นขึ้น

น้ำไขข้อ (Synovial Fluid) ช่วยให้ข้อเคลื่อนที่ได้ไหลลื่นและป้องกันไม่ให้กระดูกเสียดสีกัน

“กล้ามเนื้อบริเวณข้อ” สำคัญอย่างไร








เป็นส่วนสำคัญในการพยุงข้อและเพิ่มความยืดหยุ่นในการเคลื่อนไหว
ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของข้อ

ปกป้องข้อจากการเคลื่อนไหวที่รุนแรง เช่น การออกกำลังกายอย่างหนัก


ปัญหาสำคัญของ โรคข้อเข่าเสื่อม
โรคข้อเข่าเสื่อม พบมากในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ทั้งยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อมมาก ถ้าไม่ได้รับการรักษาหรือปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมอาจทำให้มีความเจ็บปวด ข้อเข่าผิดรูป เดินได้ไม่ปกติ ปฏิบัติกิจวัตรประจำวันต่างๆ ไม่สะดวก มีความทุกข์ทรมาน ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ



ลักษณะของโรคข้อเข่าเสื่อม

กระดูกอ่อนผิวข้อเสื่อมสภาพ (Degenerated Cartilage หรือ Cartilage Loss) เกิดการสึกกร่อนและบางลง จึงเกิดการเสียดสีภายในข้อทำให้เกิดความเจ็บปวด นอกจากนี้เศษกระดูกอ่อนอาจหลุดออกมาในน้ำในข้อทำให้เกิดการอักเสบ

หมอนรองกระดูกสึกกร่อน (Degenerated Meniscus) เกิดจากความเสื่อมของร่างกายตามวัย ทำให้ข้อไม่สามารถรับน้ำหนักได้ตามปกติและรู้สึกปวดเมื่อมีการเคลื่อนไหว

กระดูกงอก (Osteophytes หรือ Bone Spurs) ใต้บริเวณกระดูกอ่อนผิวข้อ เกิดจากการที่ร่างกายซ่อมแซมกระดูกจนผิดรูปร่าง กระดูกที่งอกขึ้นมาใหม่อาจเสียดสีกับกระดูกส่วนอื่นทำให้รู้สึก เจ็บปวดได้

โปรตีน พลัส

โซลูชั่นเพื่อความแข็งแรงและคล่องตัว
ดูแลสุขภาพพื้นฐานและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ส่วนผสมโปรตีนจากพืช 3 ชนิด ให้กรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน 9 ชนิดเสริมสร้างสุขภาพด้านการเคลื่อนไหวและความคล่องตัว
ดูอัลเปปไทด์
ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อ
สารสกัดจากอโลเวราช่วยต้านการอักเสบและบำรุงข้อ
บริหารกล้ามเนื้อและออกกำลังเพื่อสุขภาพ
เช่น บริหารกล้ามเนื้อต้นขาซึ่งเป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่ให้มีความแข็งแรง ก็มีส่วนช่วยเสริมความมั่นคงให้กับข้อเข่าและช่วยชะลอข้อเข่าเสื่อมได้



น้ำมันปลาคืออะไร กินอย่างไร กินตอนไหน ให้ได้ประโยชน์สูงสุด

น้ำมันปลา และ น้ำมันตับปลาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ชื่อคล้ายกัน แต่จริงๆ แล้วทั้งสองอย่างนั้นไม่เหมือนกัน โดยน้ำมันปลาได้จากการสกัดจากส่วนต่างๆ ของปลาทะเล เช่น หนัง หรือหางปลา ในขณะที่น้ำมันตับปลาส่วนใหญ่ได้จากการสกัดจากตับของปลาทะเล แล้วการกินน้ำมันปลาช่วยอะไรบ้าง กินตอนไหน และน้ำมันปลากินวันละกี่มิลลิกรัม รวมถึงข้อควรระวังในการกินมีอะไรบ้าง บทความนี้จะมาไขข้อสงสัยกัน

น้ำมันปลา VS น้ำมันตับปลา เหมือนหรือต่างกันอย่างไร

น้ำมันปลา (Fish Oil) เป็นสารสกัดที่ได้จากส่วนหนัง เนื้อ หัว และหางของปลาทะเลน้ำลึก ส่วนน้ำมันตับปลา (Cod Liver Oil) เป็นสารสกัดที่ได้จากส่วนตับของปลาทะเล โดยความเหมือนและความต่างของทั้งคู่ มีดังนี้

ความเหมือนทั้งน้ำมันปลาและน้ำมันตับปลาจะมีส่วนประกอบสำคัญอย่าง กรดไขมันโอเมก้า 3 (OmegaEicosapentaenoic Acid (EPA)) จึงช่วยในการควบคุมระดับคอเลสเตอรอล และลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหลอดเลือดอุดตันนอกจากนี้ ยังมี Docosahexaenoic Acid (DHA) ซึ่งมีความสำคัญต่อการทำงานของสมอง และช่วยเสริมเรื่องระบบการเรียนรู้ได้

ความแตกต่าง ภายในน้ำมันตับปลาจะมีปริมาณของวิตามินเอ และวิตามินดีที่สูง ปัจจุบัน จึงมีคำเตือนเกี่ยวกับปริมาณที่นำไปใช้ เพราะอาจส่งผลให้เกิดภาวะเลือดไหลไม่หยุดได้9 ส่วนน้ำมันปลา ในขณะที่น้ำมันปลา มีความปลอดภัยกว่าเมื่อบริโภคไม่เกิน 3 กรัมต่อวัน7

ประโยชน์ของน้ำมันปลามีอะไรบ้าง?

ประโยชน์ของน้ำมันปลามีอะไรบ้าง? กินแล้วช่วยเรื่องอะไร

น้ำมันปลามีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่สำคัญอย่าง DHA และ EPA ในปริมาณที่สูง ซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ การกินน้ำมันปลาเสริมจากอาหารมื้อหลักจึงช่วยให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายๆ ด้าน โดยสามารถจำแนกประโยชน์ของน้ำมันปลาที่มีต่อส่วนต่างๆ ของร่างกาย ได้ดังนี้

1. การทำงานของสมอง

กรดไขมัน DHA ที่มีอยู่ในน้ำมันปลาเป็นกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นไขมันพื้นฐานที่พบได้ในเซลล์สมองมากถึง 40% จากงานวิจัยพบว่าระดับกรดไขมัน DHA ที่ลดลงก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์ได้ อีกทั้งยังมีการศึกษาพบว่าความสมดุลของกรดไขมันมีผลต่อภาวะซึมเศร้า โดยผู้ที่มีระดับกรดไขมันโอเมก้า-3 ต่ำกว่าปกติ และมีโอเมก้า-6 สูง มีโอกาสเกิดภาวะซึมเศร้าได้รุนแรงมากกว่า

รวมถึงมีงานวิจัยกล่าวว่าการกินน้ำมันปลามีส่วนช่วยให้การทำงานของสมองดีขึ้นในผู้มีภาวะถดถอยทางสมอง ทั้งนี้อาจจะสามารถช่วยได้มากเมื่อเริ่มกินในช่วงแรกที่การทำงานของสมองลดลง1

2. สุขภาพของหลอดเลือดและหัวใจ

โรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ โดยผลการวิจัยพบว่าการกินน้ำมันปลาหรือปลาเป็นประจำจะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ โดยน้ำมันปลามีประโยชน์ต่อสุขภาพของหัวใจในด้านต่างๆ ดังนี้2

ลดโอกาสการเกิดภาวะไตรกลีเซอไรด์สูง สามารถลดไตรกลีเซอไรด์ได้ 15–30%

เพิ่มระดับคอเรสเตอรอลชนิดดี (HDL) และอาจลดระดับคอเรสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL)

ลดความดันในเลือด ในผู้ที่มีความดันเลือดสูง

ช่วยในการไหลเวียนของเลือด จึงลดโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ

ลดโอกาสการเกิดภาวะหลอดเลือดอุดตันเฉียบพลัน เนื่องจากช่วยยับยั้งการจับตัวกันของเกล็ดเลือดและลดภาวะการอักเสบ

3. สุขภาพของดวงตา

กรดไขมัน DHA นอกจากจะพบได้มากในสมองแล้ว ยังพบได้มากในจอประสาทตาด้วย ซึ่งมีมากถึง 60% ของกรดไขมันในประสาทตา โดยมีผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ได้รับ Omega-3 ไม่เพียงพอมีความเสี่ยงต่อโรคทางตามากขึ้น เช่น โรคจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ ซึ่งการกินน้ำมันปลาในปริมาณที่สูงเป็นเวลา 19 สัปดาห์ สามารถจะช่วยให้ผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุมีการมองเห็นที่ดีขึ้นได้3

4. ลดภาวะอักเสบ

น้ำมันปลาสามารถต้านการอักเสบ ซึ่งการอักเสบเรื้อรังมีความเกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคซึมเศร้า และโรคหัวใจ รวมถึงช่วยบรรเทาอาการปวดข้อ ข้อฝืด ข้อเสื่อม และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้ด้วย จากงานวิจัยหลายงานพบว่า DHA เป็นกรดไขมันสำคัญที่สามารถต้านการอักเสบได้ โดยลดระดับไซโตไคน์ ซึ่งเป็นตัวช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย นอกจากนี้ยังอาจลดการอักเสบของกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นหลังการออกกำลังกายได้ด้วย

5. สุขภาพผิว

ผิวหนังของคนเรานั้นมี Omega-3 อยู่เป็นจำนวนมาก แต่สุขภาพผิวจะค่อยๆ เสื่อมถอยลงเนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น น้ำมันปลาประกอบไปด้วย DHA และ EPA ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นที่มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ น้ำมันปลาจึงช่วยลดการอักเสบของผิวหนังและเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิวหนัง

โดยจากผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างที่กินน้ำมันปลาเป็นเวลา 60 วัน มีความชุ่มชื่นของผิวหนังเพิ่มขึ้น 30% และมีงานวิจัยพบว่าการกินน้ำมันปลาที่มีกรดไขมัน EPA ปริมาณตั้งแต่ 1-14 กรัม และกรดไขมัน DHA ปริมาณตั้งแต่ 0-9 กรัม ทุกวันเป็นเวลา 6 สัปดาห์ถึง 6 เดือน ช่วยให้อาการของโรคสะเก็ดเงินซึ่งเป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังดีขึ้น และช่วยลดการแห้งแตกของผิวหนัง4

6. ช่วยบรรเทาอาการหรือลดความเสี่ยงการเกิดโรค

ในน้ำมันปลามีกรดไขมันไม่อิ่มตัวในกลุ่ม Omega-3 ที่สำคัญอย่าง DHA และ EPA ที่มีส่วนช่วยบรรเทาอาการหรือลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ มากมาย2 ดังนี้

โรคหลอดเลือดหัวใจ น้ำมันปลามีส่วนช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวและทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น

โรคความดันโลหิตสูง ช่วยให้ความดันลดลงในผู้ที่มีความดันโลหิตสูง

โรคอัลไซเมอร์ กรดไขมันชนิด DHA ช่วยป้องกันสมองเสื่อมได้ โดยเพิ่มสารที่ช่วยลดการสร้างเส้นใยที่ทำลายใยประสาทส่วนความจำ

ภาวะซึมเศร้า โอเมก้า-3 ช่วยปรับสมดุลของกรดไขมันในร่างกาย ทำให้อาการซึมเศร้ารุนแรงน้อยลง

โรคข้อเข่าเสื่อม และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โอเมก้า-3 โดยเฉพาะกรดไขมัน DHA สามารถต้านการอักเสบได้ โดยทำให้ระดับไซโตไคน์ (Cytokine) ลดลง

โรคเบาหวาน กรดไขมัน EPA มีผลช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้

โรคไมเกรน กรดไขมัน EPA และ DHA ที่พบมากในปลาสามารถช่วยลดอาการและความถี่ในการปวดหัวไมเกรน

โรคหอบหืด ในน้ำมันปลามี โอเมก้า-3 ที่เมื่อได้รับมากเพียงพอ อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ จะช่วยลดการอักเสบและอาการหอบหืด โดยเฉพาะในช่วงวัยเด็ก

โรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงิน กรดไขมัน EPA และ DHA ช่วยให้ผิวหนังอักเสบและแห้งแตกอาการดีขึ้น

น้ำมันปลา

ดีต่อสมองและหัวใจ

ข้อควรรู้ในการกินน้ำมันปลา

ข้อควรรู้ในการกินน้ำมันปลา

การกินน้ำมันปลาเพื่อช่วยทำให้ร่างกายได้รับกรดไขมันโอเมก้า-3 อย่างเพียงพอ ควรคำนึงถึงปริมาณที่ต้องกินต่อวัน ช่วงเวลาที่ควรกิน เพื่อลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และสิ่งที่ไม่ควรกินร่วมกันเพราะอาจเกิดอันตรายได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ควรกินน้ำมันปลาวันละเท่าไหร่?

แม้ในปัจจุบันยังไม่มีการระบุปริมาณ DHA และ EPA ที่ร่างกายควรได้รับต่อวันไว้อย่างชัดเจน แต่องค์กรด้านสุขภาพส่วนใหญ่ให้คำแนะนำว่า วัยผู้ใหญ่ควรได้รับ DHA และ EPA ประมาณ 250-500 มิลลิกรับต่อวัน โดยในส่วนของกรดไขมันแอลฟาไลโนเลนิก (Alpha-linolenic Acid) ที่ผู้ชายควรได้รับต่อวันจะอยู่ที่ 1.6 กรัมต่อวัน และผู้หญิงอยู่ที่ 1.1 กรัมต่อวัน6

ดังนั้น ในการบริโภคน้ำมันปลา ควรบริโภคไม่เกิน 3 กรัมต่อวัน หากบริโภคในปริมาณที่มากเกินไปอาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการตกเลือด หรืออาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกและลิ้นปี่ตามมาได้ ทั้งนี้ การบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลากับมื้ออาหารสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการเหล่านี้ได้7

กินน้ำมันปลาตอนไหนดี?

น้ำมันปลา หรือ Fish Oil ควรกินพร้อมอาหารหรือหลังมื้ออาหาร เพราะร่างกายจะดูดซึมได้ดี และช่วยลดอาการข้างเคียง เช่น ท้องเสีย คลื่นไส้ เรอ หรือมีกลิ่นปาก ที่สำคัญควรกินอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ผลที่ดี และเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน โดยช่วงที่แนะนำให้กินคือพร้อมมื้ออาหารจะดีที่สุด8

สิ่งที่ไม่ควรกินร่วมกับน้ำมันปลา

การกินน้ำมันปลานั้น ต้องกินอย่างระมัดระวัง ไม่ควรกินร่วมกับอาหาร ยา หรืออาหารเสริมบางชนิด เพราะอาจเป็นอันตรายกับร่างกายได้ เช่น

น้ำมันตับปลา การกินร่วมกันอาจทำให้ได้รับกรดไขมันโอเมก้า-3 มากเกินไป จนเกิดผลข้างเคียง

ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วาร์ฟาริน หรือโคลพิโดเกล เมื่อกินพร้อมกันอาจส่งผลให้เลือดแข็งตัวช้า เสี่ยงต่อการเลือดออกแล้วหยุดช้า

อาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง เพราะการกินน้ำมันปลาในปริมาณที่มากร่วมกับอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง จะส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายยิ่งสูงจนเกินไป จนส่งผลเสียต่อสุขภาพได้

น้ำมันปลาเหมาะกับใคร?

น้ำมันปลาเหมาะกับใคร?

น้ำมันปลานั้นมีโอเมก้า-3 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีประโยชน์จึงเหมาะกับคนหลายกลุ่ม เช่น

 

ผู้ที่รับประทานอาหารได้ไม่เพียงพอ ส่งผลให้อาจขาดกรดไขมันที่จำเป็น

ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ

ผู้ที่ชอบกินอาหารไขมันสูง หรือมีภาวะไตรกลีเซอไรด์สูง

ผู้ที่มีปัญหาปวดข้อเข่า ข้อเข่าเสื่อม หรือข้ออักเสบรูมาตอยด์

ผู้ที่ต้องการบำรุงสุขภาพทั่วไป รวมถึงผู้สูงอายุที่ไม่มีโรคประจำตัวและไม่มีความเสี่ยงต่อภาวะการแข็งตัวของเลือด

ผู้ที่ต้องระวังในการกินน้ำมันปลา เพราะอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี เช่น

 

ผู้ที่แพ้อาหารทะเล แพ้ปลา หรือแพ้สารที่ใช้ในการผลิต จึงควรอ่านฉลากของผลิตภัณฑ์ก่อนรับประทานเสมอ

ผู้ที่กินยาต้านการแข็งตัวของเลือดอยู่ เช่น แอสไพริน วาร์ฟาริน หรือโคลพิโดเกล เป็นต้น

ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการแข็งตัวของเลือด เลือดหยุดไหลได้ยาก หรือมีแผลในกระเพาะอาหาร

ผู้ที่กำลังจะต้องเข้ารับการผ่าตัดในอีกไม่นานนี้

น้ำมันปลา

ดีต่อสมองและหัวใจ

น้ำมันปลาช่วยลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ ลดระดับไตรกลีเซอไรด์และความดันเลือดในผู้ที่มีค่าสูง ช่วยต้านการอักเสบ ลดการแห้งแตกของผิวหนัง และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และโรคสะเก็ดเงิน ผู้ที่ต้องการกินน้ำมันปลาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ควรอ่านฉลากอย่างละเอียดและทำความเข้าใจก่อน ระวังการกินในปริมาณมากจนเกินไป และไม่กินร่วมกับน้ำมันตับปลา ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรืออาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง ถ้าหากมีโรคประจำตัวหรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์ร่วมด้วย


โพรไบโอติกส์ (Probiotics) จุลินทรีย์นักรบช่วยปกป้องร่างกาย

ในร่างกายของคนเรานั้นมีจุลินทรีย์หลากหลายชนิดอาศัยอยู่ อันได้แก่ เชื้อรา ไวรัส แบคทีเรีย และโพรโตซัวอาศัยอยู่ โดยจะมีชนิดหนึ่งที่รู้จักกันในชื่อว่า โพรไบโอติกส์ (Probiotics)

พรไบโอติกส์

ในร่างกายของคนเรานั้นมีจุลินทรีย์หลากหลายชนิดอาศัยอยู่ อันได้แก่ เชื้อรา ไวรัส แบคทีเรีย และโพรโตซัวอาศัยอยู่ โดยจะมีชนิดหนึ่งที่รู้จักกันในชื่อว่า โพรไบโอติกส์ (Probiotics) ซึ่งมีลักษณะโดดเด่น ดังนี้

  • รอดชีวิตจากการถูกย่อยด้วยน้ำย่อยในกระเพาะอาหารและเดินทางไปถึงลำไส้ได้
  • มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
  • รับประทานได้ปลอดภัย

โพรไบโอติกส์เป็นจุลินทรีย์ที่มีชีวิตที่มีประโยชน์ ช่วยกำจัดแบคทีเรียที่ไม่ดีที่มีมากเกินไป สร้างความสมดุลให้กับร่างกาย

ชนิดของโพรไบโอติกส์

ในร่างกายของเรามีโพรไบโอติกส์อยู่หลายชนิด แต่ชนิดที่พบได้บ่อยได้แก่ Lactobacillus และBifidobacterium ซึ่งรวมไปถึง Saccharomyces boulardii ซึ่งเป็นโพรไบโอติกส์เชื้อราเซลล์เดี่ยว
โดยปกติแล้วโพรไบโอติกส์ที่เป็นประโยชน์นั้นสามารถพบได้ในลำไส้ โดยเฉพาะลำไส้ใหญ่ ปาก ผิวหนัง ปอด ช่องคลอด และระบบทางเดินปัสสาวะ

ประโยชน์ของโพรไบโอติกส์

  • ต่อสู้กับแบคทีเรียตัวร้ายที่รุกรานเข้ามา 
  • เสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันเพื่อลดการอักเสบ 
  • ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
  • สร้างวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย
  • ป้องกันไม่ให้แบคทีเรียที่ไม่ดีต่อร่างกายเติบโตมากจนเกินไป
  • เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์บุผนังที่ช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียที่ไม่ดีเข้าสู่กระแสเลือด
  • ช่วยร่างกายในการเผาผลาญและดูดซึมอาหารและยา

จากงานวิจัย โพรไบโอติกส์มีส่วนช่วยในบรรเทาอาการเจ็บป่วยบางอย่าง เช่น ท้องผูก ท้องเสียจากยาปฏิชีวนะและเชื้อแบคทีเรีย Clostridioides difficile โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง โรคลำไส้แปรปรวน กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ตกขาวจากเชื้อรา ติดเชื้อในกระเสเลือดในเด็กทารก หูชั้นกลางอักเสบ หวัดตามฤดูกาล และไซนัสอักเสบ อย่างไรก็ตามผลลัพธ์อาจแตกต่างไปในแต่ละบุคคล

ขอขอบคุณข้อมูล

พญ ณิชา สมหล่อ





อาหารที่มีโพรไบโอติกส์

การรับประทานอาหารเสริมโพรไบโอติกส์นั้นไม่จำเป็น เนื่องจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบห้าหมู่ มีกากใยสูงก็เพียงพอต่อการสร้างความสมดุลของจำนวนแบคทีเรียในร่างกาย หากต้องการเพิ่มจำนวนโพรไบโอติกส์ในร่างกาย เราสามารถรับประทานอาหาร เช่น โยเกิร์ต บัตเตอร์มิลค์ ขนมปังซาวโดว์ คอทเทจชีส ชาหมัก (kombucha) นมหมัก (kefir) เทมเป้ (tempeh) ผักดอง กิมจิ และซุปมิโซะ อย่างไรก็ตามไม่ควรรับประทานอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งเพียงอย่างเดียว เนื่องจากจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารได้

ในบางราย แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานผลิตภัณฑ์เสริมโพรไบโอติกส์ ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปของเครื่องดื่ม ยาเม็ด หรือผง ซึ่งผลิตภัณฑ์เสริมโพรไบโอติกส์อาจจะมีพรีไบโอติกส์ เช่น อินนูลิน เพกติน แป้งทนการย่อย ซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรียที่ดีที่อยู่ในลำไส้อยู่ด้วย การรวมโพรไบโอติกส์และพรีไบโอติกส์เข้าไว้ด้วยกันมีชื่อเรียกว่า ซินไบโอติกส์ เนื่องจากโพรไบโอติกส์บางสายพันธุ์นั้นไวต่อแสง ความร้อน ออกซิเจน และความชื้น จึงจำเป็นต้องเก็บรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสม และไม่ควรรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมโพรไบโอติกส์ที่หมดอายุ

อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาขอคำแนะนำจากแพทย์ทุกครั้งก่อนที่จะเริ่มรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร หรือเด็ก

ผลข้างเคียงของโพรไบโอติก หากกินมากเกินไป

ในผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดมาไม่นานมานี้ หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพรุนแรง การรับประทานโพรไบโอติกส์อาจไปเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อ การดื้อยาปฏิชีวนะ และการที่จุลินทรีย์โพรไบติกส์เองสร้างสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

คำถามที่ถามบ่อย

  • เด็ก ๆ สามารถรับประทานโพรไบโอติกส์ได้หรือไม่?
    โพรไบโอติกส์ช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อน ท้องอืด ท้องผูก ท้องเสีย และโรคผื่นผิวหนังอักเสบ เด็ก ๆ สามารถรับประทานอาหารที่มีโพรไบโอติกส์สูง เช่น โยเกิร์ต คอทเทจชีสได้
  • ควรรับประทานโพรไบโอติกส์ร่วมกับยาปฏิชีวนะหรือไม่?
    แพทย์มักจ่ายยาปฏิชีวนะให้เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แต่ยาจะฆ่าทั้งแบคทีเรียที่ดีและไม่ดีไปพร้อมกัน การรับประทานอาหารที่มีโพรไบโอติกส์จะช่วยเพิ่มจำนวนแบคทีเรียที่ดีเพื่อมาต่อสู้กับแบคทีเรียตัวร้าย ช่วยบรรเทาอาการของโรคที่ต้องรับประทานยาปฏิชีวนะได้

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โพรไบโอติก ให้จุลินทรีย์


บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส5.1 พันล้าน (5.1 x 109) CFU ต่อ 1.5 กรัม1
แล็กโทบาซิลลัส แอซิโดฟิลัส1.1 พันล้าน (1.1 x 109) CFU ต่อ 1.5 กรัม1
แล็กโทบาซิลลัส พาราคาเซอิ0.1 พันล้าน (0.1 x 109) CFU ต่อ 1.5 กรัม1

ส่วนประกอบที่สำคัญใน 1 ซอง:

อินูลิน (85%)1,000.00 มก.
จุลินทรีย์โพรไบโอติก 5 สายพันธุ์*
• บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (HN019)
62.18 มก.
• แล็กโทบาซิลลัส แอซิโดฟิลัส (NCFM™*)21.40 มก.
• แล็กโทบาซิลลัส แอซิโดฟิลัส (La-14™*)1.39 มก.
• บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (BL-04™*)0.68 มก.
• แล็กโทบาซิลลัส พาราคาเซอิ (Lpc-37™*)0.50 มก.






ชูเอเบิ้ล ไฟเบอร์ เบลนด์ นิวทริไลท์ เครื่องหมายการค้า - บรรจุ 60 เม็ด

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร นิวทริไลท์ ชูเอเบิ้ล ไฟเบอร์ เบลนด์ ชนิดเม็ดเคี้ยว สกัดจากส่วนผสมจากพืช 13 ชนิด ได้แก่ ฟรุคโตโอลิโกแซคคาไรด์จากอ้อย และใยอาหารจากอะเคเซีย อ้อย ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี เลมอน ถั่วเหลือง กระบองเพชร แอปเปิ้ล ถั่ว รำข้าวบาร์เลย์ อะเซโรลา เชอร์รี และแครอท พร้อมผสมกลิ่นส้มจากธรรมชาติ

ผลิตภัณฑ์นี้ให้ใยอาหารที่ช่วยเพิ่มกากในระบบทางเดินอาหาร
ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย

ใน 1 เม็ด มีใยอาหารทั้งหมด 1,700 มิลลิกรัม ประกอบด้วย:

ใยอาหารที่ละลายน้ำ 950 มิลลิกรัม

ใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ 750 มิลลิกรัม


ส่วนประกอบสำคัญใน 1 เม็ด:

ฟรุคโตโอลิโกแซคคาไรด์953 มก. (32.46%)
อะเคเซีย กัม258 มก. (8.79%)
ใยอาหารจากอ้อย258 มก. (8.79%)
ใยอาหารจากข้าวโอ๊ต129 มก. (4.39%)
ผงอะเซโรลา เชอร์รี95 มก. (3.23%)
ใยอาหารจากข้าวสาลี86 มก. (2.93%)
ใยอาหารจากถั่วเหลือง69 มก. (2.34%)
ใยอาหารจากกระบองเพชร60 มก. (2.05%)
รำข้าวบาร์เลย์43 มก. (1.46 %)
ใยอาหารจากแอปเปิ้ล43 มก. (1.46%)
ใยอาหารจากถั่วลันเตา43 มก. (1.46%)
แครอท43 มก. (1.45%)

โพรไบโอติก ดับเบิ้ลยู นิวทริไลท์ เครื่องหมายการค้า

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ให้จุลินทรีย์โพรไบโอติก 3 สายพันธุ์ จาก 2 ชนิด ได้แก่
แล็กโทบาซิลลัส รามโนซัส และแล็กโทบาซิลลัส แอซิโดฟิลัส ผสมผสานกับอินูลิน
และฟรุคโตโอลิโกแซคคาไรด์


ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โพรไบโอติก ดับเบิ้ลยู ให้จุลินทรีย์

แล็กโทบาซิลลัส รามโนซัส 6.0 x 109 CFU/2 กรัม (ซอง)1
แล็กโทบาซิลลัส แอซิโดฟิลัส 4.4 x 109 CFU/2 กรัม (ซอง)1

* วันหมดอายุอยู่ภายใต้เงื่อนไขการเก็บรักษาที่แนะนำ

ส่วนประกอบสำคัญใน 1 ซอง:

อินูลิน (90%)735.00 มิลลิกรัม
ฟรุคโตโอลิโกแซคคาไรด์ (95%)125.00 มิลลิกรัม
แล็กโทบาซิลลัส แอซิโดฟิลัส (NCFMTM)91.67 มิลลิกรัม
ผงแครนเบอร์รี54.07 มิลลิกรัม
แล็กโทบาซิลลัส แอซิโดฟิลัส (La-14TM)44.00 มิลลิกรัม
แล็กโทบาซิลลัส รามโนซัส (HN001TM)30.26 มิลลิกรัม

https://nutrilite.co.th/th/article/fiber-2


ให้ใยอาหาร เพิ่มกากในระบบทางเดินอาหาร ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
https://nutrilite.co.th/th/article/fiber-2

ลุงฮง ยินดีให้คำปรึกษาและให้ความกระจ่างในธุรกิจนี้พร้อมช่วยเหลือทุกคนให้มีมินิเครือข่ายใน 90 วัน ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของธุรกิจภายปีต่อไปอย่างมั่นคงแข็งแรงและเติบโตต่อไป

ติดต่อลุงฮงที่

โทรและไลน์  081-6032249


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

มาสร้างอิสรภาพให้ชีวิตกันเถอะ

สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์สูงสุด 360 องศา

มาใช้ประโยชน์ด้วยกัน